1. ธุรกิจขายตรง
ธุรกิจขายตรงต้องถือว่าเป็นปฐมบทหรือต้นกำเนิดของทั้ง 3 ธุรกิจนี้ทีเดียว
วิธีสังเกต
ธุรกิจขายตรง สังเกตง่ายๆ ดูที่รายได้หลักของบริษัท จะได้มาจากการขายนั่นเอง รายหลักได้ของสมาชิกที่ทำธุรกิจขายตรง ก็ได้มาจากเปอร์เซ็นต์จากการขาย ดังนั้นคนที่จะทำธุรกิจนี้ ต้องเป็นนักขายมือทองทีเดียว จึงจะประสบความสำเร็จได้ รวมไปถึงสินค้าที่นำมาจำหน่ายก็ต้องสุดยอด หรือต้องมีจุดขาย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจประกันชีวิต และสุดยอดขายตรงเมืองไทยขอยกให้ "อย่าลืมถามสาวยาคูลสิคะ"
2. ธุรกิจแชร์ลูกโซ่
ธุรกิจนี้ผิดกฎหมาย แต่ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา ก็ยังลอยนวลกันไป
วิธีสังเกต
ธุรกิจนี้จะทำมาหากินกับการหาสมาชิกเป็นหลัก แล้วก็หักหัวคิวกันเป็นรายๆไป อาจมาในรูปแบบของการหว่านล้อมให้ซื้อสินค้าจำนวนมากๆ , ค่าสมัครที่แพง (เกิน 500 ก็ถือว่าแพง) การต่ออายุสมาชิก ฯลฯ ดังนั้นธุรกิจจึงต้องหาสมาชิกตลอดเวลา ไม่มี สคบ. อย. ประเทศไทย ส่วนสินค้าของธุรกิจนี้แทบจะไม่มีความหมาย หรือแทบจะไม่พูดถึงกันเลยทีเดียว ส่วนมากจะมีตัวสองตัว หรือเป็นสินค้าที่ไม่ความพิเศษอะไรเลย
3. ธุรกิจเครือข่าย
ธุรกิจเครือข่ายอยู่ตรงกลางระหว่างขายตรงและแชร์ลูกโซ่
วิธีสังเกต
ธุรกิจนี้มีสินค้าจำหน่าย แต่ไม่ได้เน้นให้เอาไปขายใคร คือเน้นให้สมาชิกได้ใช้เป็นหลัก ดังนั้นสินค้าของธุรกิจนี้ก็ต้องถือสุดยอดเช่นกันและสินค้าควรมีความโดดเด่น เป็นความต้องการของผู้บริโภค มี อย. หลายประเทศยิ่งดี ธุรกิจเครือข่ายก็มีการหาสมาชิก แต่ไม่ได้เริ่มจากการตั้งใจหา หรือหามาเชือดหักหัวคิว มันเริ่มจาการที่เราใช้สินค้าแล้วเห็นว่าดี เราก็แบ่งปันความรู้สึกนี้ให้คนอื่นได้รู้ว่า เฮ้ย! ในโลกนี้มันมีสินค้าดีๆอย่างนี้ อยู่ในโลกด้วยนะ มาลองใช้ดูซิ ดังนั้นธุรกิจนี้จึงเป็นธุรกิจของการแบ่งปัน ใช้ดีแล้วบอกต่อและบอกต่อ กลายเป็นเครือข่ายที่มั่นคงและยั่งยืน ขยายไปเรื่อยๆ และต้องถูกกฎหมาย มีใบ สคบ. โดยส่วนมากแล้วบริษัทที่ทำเป็นเครือข่าย จะสามารถทำเป็นแบบขายตรงได้ด้วย ดังนั้นบริษัทเดียวกัน คุณอาจจะเห็นสมาชิกบริษัทนั้น มีทั้งสไตล์ขายตรง และสไตล์เครือข่ายต่อไปนี้คุณคงไม่สับสนแล้ว เพราะบางท่านก็ยังไม่รู้ตัวว่าทำทั้ง 2 สไตล์เลย